4 วิธีรับมือกับปัญหาฝุ่นละออง pm 2.5 ในขณะที่ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐานในหลายๆพื้นที่ในประเทศกำลังก่อปัญหาด้านสุขภาพ คนหลายคนก็เริ่มหาวิธีป้องกันตัวเองจากฝุ่น pm 2.5 จนอาจเผลอลืมไปว่าฝุ่นนี้ นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน
น.สพ. วรศิษฏ์ ประเสริฐสม
สัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ปากเกร็ด
สัตว์ที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบมากคือ สุนัข และแมวที่มีลักษณะหน้าสั้น เช่น สุนัขพันธุ์ปั๊ก, บลูด๊อก, ชิสุห์, บ๊อกเซอร์ แมวพันธุ์เปอร์เซีย, สก๊อตติสโฟลด์ เป็นต้น
“ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะสุนัขและแมวที่มีใบหน้าสั้น จะมีระบบทางเดินหายใจที่มีการกรองฝุ่นได้ไม่ดีเท่ากับสุนัขและแมวที่มีลักษณะหน้ายาว นอกจากนี้ สัตว์อีกกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยง คือ สัตว์ที่เพิ่งเกิด สัตว์อายุมาก และสัตว์ป่วยเรื้อรัง”
ฉะนั้นวันนี้ทางโรงพยาบาลสัตว์ปากเกร็ดขอนำวิธีป้องกันสัตว์เลี้ยงจากภัยฝุ่น PM2.5 ดูแลน้องหมา-น้องแมวให้ปลอดภัยในช่วงฝุ่นมาเยือนอีกครั้งครับ
- งดกิจกรรมกลางแจ้ง
หากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ ควรเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้าน , หลีกเลี่ยงการพาสัตว์เลี้ยงออกมาวิ่งเล่นหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยเฉพาะสัตว์พันธุ์หน้าสั้น เช่น สุนัขพันธุ์ปั๊กกับบูลด็อก แมวพันธุ์เปอร์เซียและสก็อตติช โฟลด์ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบบทางเดินหายใจมากกว่าสัตว์อื่น ๆ หากจำเป็นต้องเดินทางออกนอกบ้าน ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ภายในรถ
- ดูแลบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
เมื่อนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ควรหมั่นทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดสิ่งของและถูพื้นเป็นประจำ นอกจากจะลดมลพิษในอากาศแล้ว ยังเป็นการกำจัดขนสัตว์เลี้ยงไปพร้อมกัน หากเป็นไปได้ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นสูตรธรรมชาติแทนการใช้สารเคมีเพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ หรือพัดลม ให้อากาศถ่ายเท
- หมั่นสังเกตอาการสัตว์เลี้ยง
เจ้าของควรหมั่นสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงว่าผิดปกติหรือไม่อย่างเช่น มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ตาอักเสบ (เช่น ตาแดง ตาเหล่ ขยี้ตาบ่อย และขี้ตาเยอะผิดปกติ) มีน้ำมูก-เสมหะมากผิดปกติ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น ไอ จาม ถ้าหากสัตว์เลี้ยงมีอาการเหล่านี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ควรพาไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กและทำการรักษา
แต่ถ้าหากสัตว์เลี้ยงมีอาการหายใจถี่ หายใจดัง กินอาหารน้อย อ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ เหงือกซีด และฟุบหมดสติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เป็นโรคปอด โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต มีปัญหาทางด้านดวงตา มีสภาพร่างกายอ่อนแอ มีอายุน้อยกว่า 1 ปี และมีอายุ 6-7 ปีขึ้นไป ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าของ
- ทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกผ่อนคลาย
ในช่วงที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานจนไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เจ้าของจำเป็นต้องใส่ใจดูแลสัตว์เลี้ยงมากเป็นพิเศษ รวมถึงต้องพยายามทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกดีขึ้น ดังนี้
– ไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นข้างนอกนาน ๆ แต่สามารถพาไปเข้าห้องน้ำเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ได้ ทว่าหลังจากกลับมาแล้วอย่าลืมนำผ้าหรือทิชชูเปียกเช็ดบริเวณหน้า ตัว และเท้าของสัตว์เลี้ยงให้สะอาดด้วย
– ใช้น้ำตาเทียมหยอดที่ตาสัตว์เลี้ยงทุกวัน วันละ 2-3 หยด เพื่อรักษาและป้องกันอาการระคายเคืองตา พยายามทำเป็นประจำจนกว่าปัญหาฝุ่นละอองจะหมดไป
– ให้สัตว์เลี้ยงดื่มน้ำ เพราะสามารถป้องกันโรคเยื่อเมือกแห้งหรือขาดน้ำได้ และอย่าลืมเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพื่อความสะอาด
ฝุ่น PM2.5 นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราแล้ว ยังส่งผลร้ายกับสัตว์เลี้ยงอีกต่างหาก โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงพันธุ์หน้าสั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง อย่าลืมดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างถูกวิธีด้วยนะครับ