นอกจากเห็บ หมัด ไรจะอันตรายต่อมนุษย์แล้ว ยังอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของเราด้วย
หลายสัปดาห์ก่อนมีข่าวจาก TikTok นามว่า @skincare_chomngam มีการลงคลิปลูกสาว ที่ถูกเห็บกัดบริเวณดวงตาและใบหู ซึ่งเด็กน้อยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แสดงอาการได้เพียง ร้องไห้ สัก 2 วันผ่านไปจึงเห็นตัวเห็บกัดอยู่บริเวณผิวหนังของลูก จนตัวเป่งจึงรู้ว่า เด็กน้อยโดนเจ้า “เห็บ” เล่นงานเสียแล้ว ซึ่่งเห็บนี้อาศัยอยู่บนตัวสุนัขเสียเป็นส่วนใหญ่
เหล่าผู้ใหญ่ต้องหมั่นดูแลสัตว์เลี้ยงของเราให้ห่างไกลจากพวกปรสิตเหล่านี้ ต่อไปนี้โรงพยาบาลสัตว์ปากเกร็ด ได้นำบทความจาก Simple & Complete Protection เกี่ยวกับเหล่าปรสิตที่อาจทำอันตรายถึงคนได้
นอกจากเห็บ หมัด ไรจะอันตรายต่อมนุษย์แล้ว ยังอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของเราด้วย เคยสงสัยหรือไม่ว่า เห็บ-หมัด ในสุนัขนั้นมาจากไหน ก็มาจากเห็บผสมพันธุ์กับเห็บด้วยกัน เช่นเดียวกับหมัด ไม่เพียงพวกมันจะวางไข่บนผิวหนังและเส้นขนของน้องหมาเท่านั้น แต่พวกมันจะวางไข่กระจายไปบนบริเวณต่าง ๆ ของบ้าน หรือแม้กระทั่งพื้นห้องน้ำที่น้องหมาแหล่งอาศัยของเห็บหมัดหมาเคยไปนั่งนอนหรืออาศัยอยู่ ไม่เว้นแม้กระทั่งพื้นหญ้า สนามหน้าบ้าน บนใบไม้กิ่งไม้ ซอกหลีบของแผ่นกระเบื้อง บนผนังเราก็สามารถพบเห็บหมัดเหล่านี้อาศัยวางไข่อยู่ได้ ที่สำคัญคือมันสามารถขยายพันธุ์ได้ดีมากในอากาศชื้น ๆ เช่น ฤดูฝนเจ้าเห็บหมัดจะเจริญเติบโตได้ดีกว่าในฤดูอื่นถึง 70 % ทีเดียว
เมื่อเจ้าเห็บหมัดวางไข่ได้สักระยะหนึ่งแล้ว มันก็จะเจริญเติบโต เดินกระดึ๊บ ๆ จากพื้น หรือผนัง สนามหญ้า ฯลฯ พร้อมกลับมาอาศัยบนตัวสัตว์เลี้ยงของเรา และพร้อมจะดูดกินเลือดสัตว์เลี้ยงของเรา ผสมพันธุ์กันและก็ออกลูกออกหลานทิ้งไว้เป็นวัฎจักรอย่างนี้เรื่อย ๆ ไป จึงจำเป็นต้องกำจัดพวกเห็บหมัดให้สิ้นซากด้วยการหยอดยาที่หลังของสัตว์เลี้ยงของเรา หรือให้น้องหมาของเรากินยากำจัดเห็บหมัด
อย่างไรก็ดี Simple & Complete Protection แนะนำถึงข้อเสียหลังจากน้องหมาของเราโดนเห็บหมัดกัด และไรอาศัยว่า จะเกิดผล
อย่างไรบ้าง
– เห็บ มีโอกาสติดเชื้อโรคพยาธิในเม็ดเลือดทำให้สุนัขป่วย โลหิตจาง เกล็ดเลือดต่ำ สุดท้ายน้องหมาอาจถึงตายได้
– หมัด ทำให้เกิดอาการคัน ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน โลหิตจาง ติดพยาธิตืดแตงกวา โดยการกินหมัดที่มีพยาธิ
– ไรขี้เรื้อนเปียก ทำให้เกิดอาการคัน ผิวหนังอักเสบ มีตุ่มหนอง กรณีลูกสุนัขแรกเกิด สามารถติดจากแม่ที่เป็นโรคได้
– ไรขี้เรื้อนแห้ง กรณีไรขี้เรือนแห้งจะขุดโพรงในชั้นผิวหนัง เพื่ออยู่อาศัยและผสมพันธุ์ ทำให้ผิวหนังระรายเคืองและอักเสบ นอกจากนี้ไรขี้เรื้อนแห้งยังติดต่อกันระหว่างสุนัขได้ง่ายมาก โดยการสัมผัสกันโดยตรง ในสิ่งแวดล้อมหรืออุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน
– ไรในหู ทำให้เกิดอาการคันหูอย่างมาก สุนัขจะเกาหูอย่างรุนแรง สั่นศีรษะไปมา อาจทำให้เส้นเลือดฝอยแตก เกิดก้อนเลือดทั้งที่ใบหู เมื่อสุนัขเกาอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เยื่อแก้วหูฉีกขาด หรือเป็นช่องหูอักเสบตามมา และสามารถติดต่อกันได้ระหว่างสัตว์ที่เลี้ยงร่วมกัน
กรณีที่เห็บ-หมัด-ไรชนิดต่าง ๆ ก่อปัญหาให้กับคน มีดังนี้
– เห็บ ทำให้เกิดโรค Ehrlichiosis มีผลต่อปริมาณเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาว ทำให้คนมีอาการไข้ ตัดซีดมีภาวะแทรกซ้อนถึงแก่ชีวิตได้
– หมัด ทำให้เกิดเป็นตุ่มแดงบนผิวหนังของคนและคันมาก ๆ
– ไรขี้เรื้อนเปียก ส่งผลกระทบด้านสุขอนามัย จากสารคัดหลั่งจากสุนัขที่เป็นโรคไร้ขี้เรื้อนเปียก และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษามาก เนื่องจากมักเป็นเรื้อรัง คือเป็น ๆ หาย ๆ รักษาหายแล้วหากไม่ดูแลเรื่องความสะอาดก็อาจกลับมาเป็นอีกซ้ำ ๆ
– ไรขี้เรื้อนแห้ง ติดต่อสู่คนจากการสัมผัส ทำให้เกิดผื่นแดงและคัน
– ไรในหู มีโอกาสติดต่อสู้คนได้
✊ เห็นทีมนุษย์กับสัตว์จะอยู่ร่วมกับเห็บ หมัด และไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นต้องป้องกันซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การดูแลเรื่องความสะอาดในการอาบน้ำให้น้องหมาเป็นประจำ สัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อยและต้องใช้แชมพูสูตรป้องกันเห็บหมัดด้วย ตัวยาจะช่วยฆ่าเห็บและหมัดที่กำลังเจริญเติบโตให้แห้งตายลง รวมถึงการช่วยทำให้ไข่เห็บและหมัดที่เกาะอยู่บนผิวและตามเส้นขนของน้องหมาแห้งตายไปด้วย ซึ่งการเลือกแชมพูกำจัดเห็บหมัดก็เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของควรคำนึงถึง โดยตามท้องตลาดจะมีให้เลือกแชมพูสูตรสำหรับสุนัขขนสั้น หรือขนยาว หรือแชมพูจำกัดเห็บสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก เป็นต้น
และควรใช้แชมพูควบคู่ไปกับยารักษาเห็บและหมัดหยดหลัง การใช้ยาหยดหลังจะช่วยป้องกันเห็บและหมัดได้ประมาณ 1– 3 เดือนแล้วแต่คุณสมบัติของแต่ละยี่ห้อ ในการเลือกใช้ควรเลือกตามน้ำหนักของสุนัขเพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดี หรือจะเป็นปลอกคอกำจัดเห็บและหมัด ใช้งานโดยการสวมใส่ไว้ที่คอของสุนัขเหมือนปลอกคอทั่วไป มีคุณสมบัติในการป้องกันเห็บและหมัดในตัว มีอายุการรักษาประมาณ 6 – 12 เดือน ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่สัตวแพทย์แนะนำคือ การกินยาป้องกันเห็บและหมัด มีอายุการรักษานานประมาณ 3 – 7 เดือนนะคะ จะใช้แบบไหน ควรให้สัตวแพทย์เป็นผู้แนะนำ
เอื้อเฟื้อข้อมูลดี ๆ จาก Simple & Complete Protection